Blog
language
ไทย
Eng
Home
About
Blog
Contact

language Language:

Market Update : “Trade War” จุดชี้ชะตาตลาดหุ้นปลายปี

19 พฤศจิกายน 2561, 17.00น   467 views

Key Takeaways :

ทั้งสหรัฐและจีนมีการกำหนดกำแพงภาษีระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง โดยผู้นำสองประเทศจะมีการหารือกันในช่วงต้นเดือนธันวาคมในการประชุมG-20

สงครามการค้าระหว่างประเทศจีนและสหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2561 เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯประกาศตั้งภาษีศุลกากร 25% ต่อสินค้าจีนมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนั้นประธานาธิบดีสี จิ้นผิงแห่งประเทศจีนจึงได้ออกมาตรการโต้ตอบ นับเป็นการเปิดฉากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ สร้างความปั่นป่วนให้แก่ตลาดทุนทั่วโลกมาตั้งแต่ช่วงกลางปี2561 ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน

จุดเริ่มต้นของสงครามการค้า

โดนัลด์ ทรัมป์ชูนโยบาย America First ในการหาเสียงประธานาธิบดี

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจัดขึ้นในช่วงปลายปี 2559 นายโดนัลด์ ทรัมป์ตัวแทนพรรคริพับลิกันได้หาเสียงโดยชูนโยบาย America First ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศสหรัฐฯอีกครั้ง โดยหนึ่งในนโยบายย่อยคือการประกาศสงครามกับประเทศจีน โดยสัญญาว่าจะแก้ไขปัญหา "การละเมิดการค้าและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม" ของประเทศจีน

ทรัมป์อาศัยอำนาจตามมาตรา 301 เพื่อป้องกัน "การค้ามิชอบ"

เมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ รัฐบาลสหรัฐฯนำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาศัยอำนาจตามมาตรา 301 แห่งรัฐบัญญัติการค้า ค.ศ. 1974 เพื่อป้องกันสิ่งที่อ้างว่าเป็น"การค้ามิชอบและการโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญา" โดยกฎหมายให้อำนาจประธานาธิบดีกำหนดค่าปรับหรือบทลงโทษอื่นต่อคู่ค้าฝ่ายเดียวได้หากถือว่าทำร้ายผลประโยชน์ทางธุรกิจของสหรัฐโดยมิชอบ โดยในเดือนเมษายน 2561 สหรัฐฯได้กำหนดพิกัดอัตราต่อสินค้านำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมจากจีน รวมถึงแคนาดาและประเทศในสหภาพยุโรป

เส้นทางสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ

สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนสูงถึง 350 พันล้านเหรียญสหรัฐ
  • ประเทศสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับประเทศจีนจำนวนมากถึง 350 พันล้านเหรียญสหรัฐ
  • ทำให้สหรัฐฯ มีการตั้งประกาศตั้งกำแพงภาษี 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนประเภทเครื่องจักร อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเกี่ยวกับยานพาหนะ มูลค่า 34,000ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีผลในวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา
  • จีนได้ทำการตอบโต้โดยการตั้งกำแพงภาษี 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ประเภทสินค้าเกษตรและอาหาร และรถยนต์ มูลค่า 34,000ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีผลวันที่ 6 กรกฎาคมเช่นกัน
  • สหรัฐพิจารณาจะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีกมูลค่า 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • จีนตอบโต้ด้วยการพิจารณาจะเก็บภาษีเพิ่มอีกมูลค่า 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐเช่นกัน
  • สหรัฐฯประกาศจะเพิ่มการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในอัตรา 10% มีผลบังคับใช้วันที่ 24 กันยายน 2561
  • จีนก็ตอบโต้ด้วยการประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐในมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด

การหารือระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐ จะเกิดขึ้นในการประชุมG20ช่วงต้นเดือนธันวาคม

วันที่ 30 ตุลาคม ทางการสหรัฐฯได้ออกประกาศว่าทางรัฐบาลอยู่ในกระบวนการร่างนโยบายภาษีที่จะมีผลใช้กับสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติม หากการหารือระหว่างประธานาธิบดี Donald Trump และประธานาธิบดี Xi Jingping ในการประชุม G20 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายนถึงวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ไม่ได้ข้อสรุปที่น่าพึงพอใจ โดยนโยบายดังกล่าวอาจจะคลอบคลุมสินค้าจากจีนอีกมูลค่าประมาณ 257,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

บทสรุป

แนะนำWait&See เพื่อรอจังหวะการเข้าซื้อเพิ่มช่วงต้นเดือนธันวาคม

Allfinn คาดการณ์ว่าตลาดจะแกว่งตัวในกรอบแคบ เพื่อรอผลการหารือระหว่างDonald Trump และ Xi Jingpingช่วงต้นเดือนธันวาคม โดยหากสหรัฐฯและจีนสามารถเจรจาข้อตกลงทางการค้าได้ในการประชุม G20 จะส่งผลให้ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้แรง เพื่อตอบรับกับปัจจัยบวกในประเทศทั้งประเด็นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ยังคงเติบโตในระดับที่ดี รวมถึงประเด็นการเลือกตั้งทั่วไปของไทยที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2562

แหล่งที่มา : wikipedia.org , scmp.com , cnn.com , independent.co.uk , ft.com

หมวดหมู่ : Market Update

บทความแนะนำ

Feel free to chat with us!

 
Add us as a friend

Line : @allfinn